วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ


ลักษณะภูมิประเทศ
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน แนวเขาวางตัวในแนวทิศเหนือ-ใต้ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรี มีพื้นที่ราบลุ่มเป็นจำนวนน้อย ความสูงของพื้นที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100-1,249 เมตร มีเขาช้างเผือกซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของพื้นที่เป็นยอดเขาสูงสุด สูง 1,249 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ยอดเขาที่สำคัญ ได้แก่ เขาช้างเผือก เขานิซา เขาพุถ่อง เขาด่าง เขาปาก ประตู เขาเลาะโล เขาประหนองโทคี เขาชะโลง ฯลฯ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของลำห้วยต่างๆ เช่น ห้วยมาลัย ห้วยกบ ห้วยซ่าน ห้วยองค์พระ ห้วยปีคี ห้วยปากคอก ห้วยเจ็ดมิตร ฯลฯ โดยไหลลงสู่ที่ราบทิศตะวันออก ลงสู่เขื่อนเขาแหลม และลำน้ำอีกส่วนไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย

ลักษณะภูมิอากาศ
เป็นแบบมรสุมเมืองร้อน จึงได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงฤดูฝน และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงฤดูหนาว ฤดูร้อนเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน ฤดูฝนเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม ฤดูหนาวเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม

พืชพันธุ์และสัตว์ป่า
อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของผืนป่าตะวันตกที่คงความสมบูรณ์ตามธรรมชาติ สามารถจำแนกประเภทแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่
1) ป่าดิบชื้น มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ตะเคียน ยางขาว ยางยูง ไก่เขียว เคี่ยม กันเกรา จำปาป่า มะหาด เนียง พืชพื้นล่างมีพวก หวาย เฟิน เตย และปาล์ม

2) ป่าดิบแล้ง มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ยางขาว ยางแดง ตะเคียน ยมหอม จำปีป่า กระบาก มะม่วงป่า มะแฟน แดงดง มะไฟป่า สมพง พืชพื้นล่างมีพวก ปาล์ม ข่า และเฟินต่างๆ ฯลฯ

3) ป่าดิบเขา มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ก่อชนิดต่างๆ กำลังเสือโคร่ง มณฑาป่า พระเจ้าห้าพระองค์ กำยาน อบเชย ทะโล้ พืชพื้นล่างได้แก่ มอส เฟินต่างๆ

4) ป่าเบญจพรรณ พบมากที่สุด มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ ประดู่ แดง ตะแบก เสลา ส้าน มะค่าโมง อินทนิล ตุ้มเต๋น ตะคร้อ ตะคร่ำ กระพี้เขาควาย ขะเจ๊าะ มะเกลือ กาสามปีก สมอพิเภก กระบก มะกอก พืชพื้นล่างมีพวก ไผ่ไร่ ไผ่ซาง ไผ่บง ไผ่ข้าวหลาม ไผ่รวก และพืชพวกไม้หนาม เป็นต้น

อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าเป็นจำนวนมาก เนื่องจากป่าเป็นผืนเดียวกันกับประเทศพม่า จึงมีการย้ายถิ่นฐานไปมาอยู่เป็นประจำ และเนื่องจากไม่มีราษฎรอยู่ในพื้นที่ป่ามากนักจึงทำให้สัตว์ป่าไม่ถูกรบกวน ที่พบเห็นเป็นประจำได้แก่ ช้างป่า เลียงผา กวาง เก้ง กระจง หมูป่า หมี ลิง ค่าง บ่าง ชะนี อีเห็น ชะมด เสือปลา เสือลายเมฆ เสือโคร่ง หมีคน หมีควาย กระรอกบิน กระแต หนูหริ่ง พังพอน ค้างคาว กระต่ายป่า แมวป่า หมาไน เม่น นกเงือก นกนางแอ่น เหยี่ยว นกกระสา นกอินทรีย์ นกฮูก นกปรอด นกแขวก นกเค้าแมว นกแสก นกกระปูด นกเอี้ยง นกกางเขน นกขมิ้น นกกระทาดง นกกวัก นกขุนทอง นกแซงแซว นกหัวขวาน นกดุเหว่า อีกา ไก่ป่า ตะกวด ตุ๊กแกป่า กิ้งก่าบิน จิ้งเหลน แย้ ตะขาบ แมงป่อง กิ้งกือ ทาก ปลิง ตะพาบน้ำ กบ เขียด คางคก อึ่งอ่าง ปลาเวียน ปลาซิว ปลาก้าง ปลาช่อน ปลาไหล ปลากระทิง ปลาตะเพียน ปลาหมอ ปลาแขยง และปลาชะโด เป็นต้น

การเดินทาง

1. โดยรถยนต์ส่วนตัวออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึงตัวเมืองกาญจนบุรี ระยะทางประมาณ 123 กิโลเมตร จากตัวเมืองกาญจนบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 323 สายกาญจนบุรี – ทองผาภูมิ ถึงตลาดอำเภอทองผาภูมิระยะทางประมาณ 141 กิโลเมตร จากตัวอำเภอทองผาภูมิ ใช้เส้นทางหมายเลข 3272 สายทองผาภูมิ – บ้านไร่-ปิล๊อก ถึงสามแยกบ้านไร่เลี้ยวซ้ายไปตาม เส้นทางคดเคี้ยวบนเขา ที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิซึ่งจะตั้งอยู่ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 21 - 22 เป็นเส้นทางลาดยางตลอดสาย
2. โดยรถยนต์โดยสารประจำทาง ขึ้นรถจากสถานีขนส่งสายใต้ลงที่สถานีขนส่งจังหวัดกาญจนบุรีและต่อรถประจำทางสายกาญจนบุรี – ทองผาภูมิ ลงที่ตลาดอำเภอทองผาภูมิ จากนั้นต่อรถประจำทางสายทองผาภูมิ – บ้านอีต่อง
ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
ข้อมูลจาก
http://www.weekendhobby.com/board/boat/shtml/6681.shtml

ทางรถไฟสายมรณะ

ทางรถไฟสายมรณะ หรือ ทางรถไฟสายพม่า ทางรถไฟสายนี้เริ่มต้นจากสถานีชุมทางหนองปลาดุก อำเภอบ้านโป่งจังหวัดราชบุรี ผ่านจังหวัดกาญจนบุรีและข้ามแม่น้ำแควใหญ่ โดยสะพานข้ามแม่น้ำแควไปทางทิศตะวันตกจนถึงด่านเจดีย์สามองค์ เพื่อให้ถึงปลายทางที่เมืองทันบูซายัด ประเทศพม่าทางรถไฟสายมรณะมีความยาวจากหนองปลาดุกถึงสถานีทันบูซายัดรวม 415 กิโลเมตร เป็นทางรถไฟอยู่ในเขตประเทศไทยประมาณ 303.95 กิโลเมตร และอยู่ในเขตพม่า 111.05 กิโลเมตร มีสถานีจำนวน 37 สถานี ทางรถไฟสายนี้สร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยใช้แรงงานเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรและกรรมกรชาวเอเชียที่กองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์มาสร้าง เพื่อใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ผ่านประเทศพม่า ปัจจุบันเส้นทางนี้ไปสุดปลายทางที่บ้านท่าเสาหรือ สถานีน้ำตก ระยะทางจากสถานีกาญจนบุรีถึงสถานีน้ำตกเป็นระยะทางประมาณ 77 กิโลเมตร การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเดินรถบนเส้นทางนี้ทุกวันและจัดรถไฟขบวนพิเศษสายกรุงเทพฯ - น้ำตก ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ จุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากคือช่วงสะพานข้ามแม่น้ำแคว และช่วงโค้งมรณะหรือ ถ้ำกระแซะ ซึ่งเป็นสะพานโค้งเลียบแม่น้ำแควน้อยยาวประมาณ 400 เมตร





1.รถยนต์-ใช้ ถ.ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ข้ามสะพานพระปิ่นเกล้า แล้ววิ่งขึ้นทางคู่ขนานลอยฟ้าจากนั้นตรงไปเรื่อยๆจนถึงทางแยกไปอ.สามพราน จ.นครปฐม ให้ชิดขวาแล้วไปตาม ทางหลวงหมายเลข 4 ผ่าน อ.นครชัยศรี อ.เมือง จ. นครปฐม จนถึง กม.69 ให้เตรียมชิดซ้ายเพื่อขึ้นสะพานข้าม แยกไป ทาง อ. บ้านโป่ง จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 323 (ถ.แสงชูโต) ผ่านสามแยกกระจับ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เข้าสู่ จ.กาญจนบุรี ที่อ.มะกา อ.ท่าท่วง ไปจรถึง อ.เมือง รวมระยะทาง 129 กม.
-ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถ.เพชรเกษม) เริ่มจากบางแค ผ่าน อ้อมน้อย , อ้อมใหญ่ , อ.สามพราน , อ.นครชัยศรี ไปบรรจบกับเส้นทางที่ 1 หลังจาก อ.สามพราน ทั้งสองเส้นทางนี้ระยะทางใกล้เคียงกันแต่เส้นทางที่ 2 จะมีปัญหา
รถติดมากกว่า


2.รถโดยสาร รถโดยสารจากกรุงเทพฯ จะมีไปภึงเฉพาะที่ตัว อ.เมือง เท่านั้น ไม่มีไปถึงอำเภออื่นๆ รถปรับอากาศชั้น 1 ไปจอด ที่สี่แยกไฟแดงหน้าศาลหลักเมือง รถปรับอากาศชั้น 2 และรถธรรมดาจอดที่สถานีขนส่งกาญจนบุรี
- รถโดยสารปรับอากาศ ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ รถปรับอากาศชั้นหนึ่ง ออกทุก 15 นาที ตั้งแต่เวลา 05.00-
22.30 น. รถปรับอากาศชั้นสองออกทุก 20 นาที ตั้งแต่เวลา 05.10-20.30 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 435-1200, 434-7192
- รถโดยสารธรรมดา ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ทุก 15 นาที ตั้งแต่เวลา 04.00-20.00 น. ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 2 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 434-5557
3.โดยรถไฟ

การเดินทางโดยรถไฟนับเป็นสเน่ห์ของการเดินทางอีกรูปแบบหนึ่ง เพียงแต่ต้องมีเวลามากและไม่รีบร้อนขึ้น รถไฟได้ที่สถานีบางกอกน้อย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถานีรถไฟบางกอกน้อย โทร. 0 2411 3102 วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ มีรถไฟเที่ยวพิเศษ นำเที่ยวไปกลับภายในวันเดียว รายละเอียดสอบถามเพิ่ม เติมได้ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 0 2223 7010, 0 2223 7020 และ 1690 หรือที่เว็บไซต์ www.railway.co.th นอกจากนี้ยังมีรถไฟนำเที่ยวขบวนพิเศษที่ให้บริการเฉพาะวันหยุดหลาย รายการแต่ต้องติด ต่อ จองล่วงหน้า และต้องไปขึ้นรถที่สถานีรถไฟหัวลำโพง การเดินทางโดยรถไฟไปเที่ยว เมืองกาญจน์มีความ พิเศษต่าง จากที่อื่น คือเป็นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์หรือเรียกกันว่าทาง รถไฟสายมรณะ หากมีโอกาสจึง ไมควรพลาดจะนั่ง รถไฟเที่ยวออกจาก สถานีรถไฟบางกอกน้อย วันละ 2 เที่ยว เวลา 07.40 น. และ 13.50 น. แวะจอดที่สถานกาญจนบุรีีสะพานข้ามแม่น้ำแคว ท่ากิเลน สถานีน้ำตก ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง
ในตัวเมืองกาญจนบุรีแล้วมีพาหนะในตัวเมืองหลายอย่าง เช่นรถสองแถว รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถสามล้อเครื่อง สามล้อถีบ
1.รถสองแถววิ่งในเมืองมีรถสองแถววิ่งบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 05.30-18.00น. ท่ารถอยู่ริม ถ. แสงชูโต ใกล้สี่ แยกไฟแดง ตรงข้าม รร. กาญจนานุเคราะห์ ค่ารถ 6 บาท ตลอดสาย
- สาย 1 ตลาด - สถ. อ. เมื่องกาญจน์-ตลาดชุกโดน รพ. พหลพลพยุหเสนา รร. วิสุทธรังษี - วัดท่าล้อ
- สาย 2 ตลาด - สุสานทหารสัมพันธมิตร (ดอนรัก) - ทางแยกเข้าสถานีรถไฟกาญจนบุรี - ทางแยกเข้าสพานข้ามแม่น้ำแควคาซเซิลมอลล์ - ขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี (แยกแก่งเสี้ยน)
2.รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง มีคิวรถเป็นประจำนวนมากบริเวณสถานีขนส่ง จ. กาญจนบุรี และตามสถานที่ท่องเที่ยว ต่างๆ เช่น เชิงสะพานข้ามแม่น้ำแคว นอกจากนักท่องเที่ยวไกล ๆ ได้ ค่าบริจากสถานีขนส่งมีดังนี้
- ในตลาด   10-20 บาท
- สุสานทหารสัมพันธมิตร 10 บาท
- สะพานข้ามแม่น้ำแคว 20 บาท
- วัดถ้ำมังกรทอง  40 บาท
- ลาดหญ้า 50 บาท
- สุสานช่องไก่ 100 บาท
- ถ้ำเขาปูน 100 บาท
- ปราสาทเมืองสิงห์ 130 บาท
- เอราวัณ 200 บาท
3.รถสามล้อเครื่อง(ตุ๊กตุ๊ก) มีวิ่งบริเวณตลาด ตั้งแต่เวลา 06.00-24 น. ค่าบริการจะแพงกว่ามอเตอร์ไซค์รับจ้าง ประมาณ 10 - 20 บาท
4.รถสามล้อถีบมีวิ่งบริการทั่วไปในตลาด ตั้งแต่เวลา 08.00 - 20.00 น. นั่งได้ไม่เกินสองคนตัวอย่างราคาเหมา ไป สถานที่ท่องเที่ยวมีดังนี้
- สุสานทหารสัมพันธมิตร (ดอนรัก)  50-60 บาท
- สะพานข้ามแม่น้ำแคว 80-100 บาท
5.เหมารถมีรถสองแถวและรถกระบะให้เช่าเหมาพร้อมคนขับและน้ำมันรถ บริเวณสถานนีขนส่ง จ. กาญจนบุรี
(นั่งได้ 8- 10 คน) ค่าบริการมีดังนี้
- สุสานทหารสัมพันธ์มิตร (ดอนรัก)   30 บาท
- สะพานข้ามแม่น้ำแคว 50 บาท
- ลาดหญ้า 100 บาท
- เที่ยวแหล่งท่องเที่ยวในตัวประมาณ 5-8 แห่ง ราคา 500 - 700 บาท หรือวันละ 1000 บาท

นอกจากนี้ยังสามารถเหมาไปเที่ยวต่างอำเภอ ค่าบริการดังนี้- ปราสาทเมืองสิงห์ 180 บาท
- บ้านเก่า 200 บาท
- อ.ท่าม่วง 100 บาท
- อ. พนมทวน 150 บาท
- น้ำตกไทรโยคน้อย 400 บาท
- น้ำตกไทรโยคใหญ่ 600 บาท
- น้ำตกเอราวัณ 400 บาท
- อ.ทองผาภูมิ 800 บาท (เหมาเที่ยว วันละ 1.500 บาท)
- อ.สังขละบุรี 1.500 บาท (เหมาเที่ยววันละ 2.000 บาท)
- เที่ยวในเขต อ. ศรีสวัสดิ์ น้ำตกเอราวัณ เขื่อนศรีนครินทร์ ราคา 1.00 บาท
- เที่ยวน้ำตกไทรโยคใหญ่ ไทรโยคน้อย บ้านเก่า ปราสาทเมืองสิงห์ 10500 บาท

 ข้อมูลจาก
 http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=9046.0
 http://www.bsgolfclub.com/travel/train.html
 http://www.paiduaykan.com/76_province/central/kanjanaburi/transporation.html

สะพานข้ามแม่น้ำแคว




สะพานข้ามแม่น้ำแคว   สะพานแห่งประวัติที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่จังหวัดกาญจนบุรีแห่งนี้ มีประวัติและเรื่องราวสืบทอดกันมาเนิ่นนาน ให้ลูกหลานได้รำลึกถึงเรื่องราวของความโหดร้าย การสูญเสียที่ล้วนแล้วแต่เกิดมาจากสงครามทั้งสิ้น

สะพานที่มีความยิ่งใหญ่ในเรื่องราวของประวัติความเป็นมาแห่งนี้เริ่มขึ้นเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นช่วงของสงครามมหาเอเชียบูรพา สะพานและทางรถไฟสายนี้เป็นเส้นทางที่กองทัพทหารญี่ปุ่นสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นเส้นทางเชื่อมต่อไปยังประเทศพม่า โดยใช้แรงงานจากเฉลยศึกของฝ่ายสัมพันธมิตรจากอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย ฮอลันดา และนิวซีแลนด์ โดยประมาณ ๖๑,๗๐๐ คน ยังไม่รวมถึงจำนวนของกรรมกรที่เป็นชาวจีน ญวน ชวา มลายู พม่า อินเดียและคนไทย

หลายหมื่นชีวิตต้องจบสิ้นลงบนเส้นทางสายนี้เนื่องมาจากความยากลำบากทั้งจากธรรมชาติเอง ความเหน็ดเหนื่อย การขาดแคลนอาหาร จนนำไปสู่โรคภัยไข้เจ็บ และความโหดร้ายทารุณจากภาวะของสงคราม ว่ากันว่ามีการเปรียบเทียบหนึ่งไม้หมอนของทางรถไฟสายมรณะคือหนึ่งชีวิตที่ต้องแลก

สะพานข้ามแม่น้ำแควที่เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายนี้ใช้เวลาในการสร้างแค่เพียง 1 เดือนเท่านั้น โดยแรงงานคนทั้งหมด ตอนกลางสะพานจะสร้างด้วยเหล็กจากมลายูเป็นชิ้นๆมาประกอบเข้าด้วยกัน โดยแบ่งเป็นช่วงทั้งหมด11 ช่วง ในส่วนหัวและท้ายของสะพานสร้างจากโครงไม้ สะพานมีความยาวทั้งหมดประมาณ 300 เมตร แต่ในปัจจุบันสะพานข้ามแม่น้ำแควได้มีการปรับปรุงใหม่หลักจากที่สะพานแห่งนี้เกิดการชำรุดจากการถูกโจมตีทางอากาศของทหารฝ่ายสัมพันธมิตรนั่นเอง เราสามารถขึ้นไปเดินดูความสวยงามบนสะพานพานแห่งนี้ได้ด้วย และจะมีจุดพักเป็นช่วงๆให้เราได้หยุดดูรถไฟวิ่งผ่านเราไปอย่างใกล้ชิดจนแทบจะลืมหายใจเวลาที่รถไฟวิ่งด้วยความเร็วห่างตัวไปไม่กี่คืบเท่านั้น และเพื่อระลึกถึงสะพานข้ามแม่น้ำแควและรถไฟสายมรณะเส้นนี้ ในทุกปีจะมีการจัดงาน งานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว ขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงช่วงต้นเดือนธันวาคม ซึ่งจะมีการแสดงนิทรรศการในทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี การแสดงพื้นบ้าน การออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง และการแสดง แสง สี เสียงอย่างสวยงามตระการตา

การเดินทางไปสะพานข้ามแม่น้ำแควสะพานข้ามแม่น้ำแคว อยู่ที่ตำบลท่ามะขาม ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีไปทางทิศเหนือตามทางหลวงหมายเลข ๓๒๓ ประมาณ ๔ กิโลเมตร แยกซ้ายประมาณ ๘๗๐ เมตร

สามารถใช้บริการรถรางนั่งชมเส้นทางรถไฟทุกวัน มีบริการตั้งแต่เวลา ๘.๐๐ -๑๘.๓๐ น. ค่าบริการท่านละ ๒๐ บาท รอบละ ๒๕ นาที

 ขอบคุณรูปภาพจาก http://www.pingplaleeresort.com/articles